สัปดาห์ที่ 5
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
อาจาร์ยผู้สอน อาจาร์ยตฤณ เเจ่มถิ่น
วันที่ 15 กันยายน 2557
ครั้งที่ 5 กลุ่มเรียน 103
สรุปความรู้ที่ได้รับรายสัปดาห์
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้ความรู้จากอันเซอชีท และเพาเวอร์พ้อยที่อาจารย์เตรียมมา มีทั้งรูปภาพมาประกอบการสอน อีกทั้งวีดีโอมาให้นักศึกษาได้ดูและเห็นจริง และมีเนื้อหาการเรียนการสอนดังต่อไปนี้
เด็ก L.D
คือเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือเรียกว่า แอลดี อาการจะเห็นได้ชัดตอนอายุ 7 ขวบขึ้นไป ส่วนมากเป็นในเด็กผู้ชาย เป็นเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
สาเหตุ
- กรรมพันธ์
- ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้
1.ด้านการอ่าน
- อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
- อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด
- ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน
- ออกเสียงไม่ชัด
- ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
2.ด้านการเขียน
- เขียนตัวอักษรผิด( บ ป ) ( น ม ) ( พ ผ ) ( ฟ ฝ) ( p q) ( b d)
- จับดินสอ หรือปากกาแน่นมาก
- ลบบ่อย เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
3.ด้านการคำนวณ
- ตัวเลขผิดลำดับ
- ไม่เข้าใจเรื่องการทดเลข หรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
- ไม่เข้าใจเลขหลัก หน่วย สิบ ร้อย
- แก้โจทย์ปัญหาเลขไม่ได้
ตีโจทย์เลขไม่ออก
- ไม่เข้าใจเรื่องเวลา
- จำสูตรคูณไม่ได้
- เขียนเลขกลับกัน 13 เป็น 31
4.หลายๆด้านรวมกัน
- แยกแยะขนาดสี และรูปร่างไม่ออก
- มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- ทำงานช้า
- เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
- วางแผนงานเเละจัดระบบไม่ได้
- ฟังคำสั่งสับสน
- คิดแบบนามธรรมหรือคิดแบบแก้ปัญหาไม่ค่อยได้
- ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
- ความจำระยะสั้น ระยะยาวไม่ดี
- ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
- ทำงานสับสนไม่เป็นขั้นตอน
ออทิสติก ( Autistic )
หรือ ออทิซึ่ม หรือเด็กที่ไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเองติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
พฤติกรรมการทำซ้ำ
- นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
- นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
- วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
- ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งเเวดล้อม
พบความผิดปกติอย่างน้อยหนึ่งด้าน
- ปฎิสัมพันธ์ทางสังคม
- การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
- การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
Autistic Savant
- กลุ่มที่คิดด้วยภาพ จะใช้การคิดแบบอุปนัย
- กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ จะใช้แบบนิรนัย
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หรือสูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสัยงต่างๆได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ หูตึง และหูหนวก
หูตึง
ใช้เครื่องช่วยฟัง แต่สามารถรับข้อมูลได้
- ระดับน้อย ( 26-40dB ) เสียงกระซิบ เสียงจากที่ไกลๆ
- ปานกลาง (41-55dB ) จับใจความไม่ได้
- ตึงมาก ( 56-70dB ) พูดดังก็ไม่ได้ยิน
- ตึงระดับมาก ( 71-90dB ) ต้องตะโกน
หูหนวก
เด็กที่สูญเสียการได้ยิน เครื่องช่วยฟังก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถเข้าใจภาษาพูด ระดับการได้ยิน 91dB ขึ้นไป
ลักษณะ
ไม่ตอบสนอง ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ ไม่พูดมักแสดงท่าทาง พูดไม่ถูกหลักไวยกรณ์ มักทำหน้าเด๋อเมื่อมีการพูดด้วย เวลาฟังมักมองปากผู้พูด
เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
เป็นเด้กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง 2 ข้าง สามารถมองไม่ได้ถึง 1/10 ของสายตาคนปกติ มีลานสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา จำเเนกได้ 2 ประเภท คือ เด็กตาบอด และเด็กตาบอดไม่สนิท
เด็กตาบอด
คือเด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย ต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่นในการเรียนรู้ มีลานสายตาโดยเฉลี่ยสูงสุดแคบกว่า 5 องศา มีสายตาข้างดีมองเห็นได้ในระยะทาง 6/60 2/200
เด็กตาบอดไม่สนิท
มองเห็นได้บ้าง มีลานเฉลี่ยสูงสุดกว้างไม่เกิน 30 องศา
6/18 20/60 2/200 หรือน้อยกว่านั้น
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
อาจาร์ยผู้สอน อาจาร์ยตฤณ เเจ่มถิ่น
วันที่ 15 กันยายน 2557
ครั้งที่ 5 กลุ่มเรียน 103
สรุปความรู้ที่ได้รับรายสัปดาห์
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้ความรู้จากอันเซอชีท และเพาเวอร์พ้อยที่อาจารย์เตรียมมา มีทั้งรูปภาพมาประกอบการสอน อีกทั้งวีดีโอมาให้นักศึกษาได้ดูและเห็นจริง และมีเนื้อหาการเรียนการสอนดังต่อไปนี้
เด็ก L.D
คือเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือเรียกว่า แอลดี อาการจะเห็นได้ชัดตอนอายุ 7 ขวบขึ้นไป ส่วนมากเป็นในเด็กผู้ชาย เป็นเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
สาเหตุ
- กรรมพันธ์
- ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้
1.ด้านการอ่าน
- อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
- อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด
- ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน
- ออกเสียงไม่ชัด
- ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
2.ด้านการเขียน
- เขียนตัวอักษรผิด( บ ป ) ( น ม ) ( พ ผ ) ( ฟ ฝ) ( p q) ( b d)
- จับดินสอ หรือปากกาแน่นมาก
- ลบบ่อย เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
3.ด้านการคำนวณ
- ตัวเลขผิดลำดับ
- ไม่เข้าใจเรื่องการทดเลข หรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
- ไม่เข้าใจเลขหลัก หน่วย สิบ ร้อย
- แก้โจทย์ปัญหาเลขไม่ได้
ตีโจทย์เลขไม่ออก
- ไม่เข้าใจเรื่องเวลา
- จำสูตรคูณไม่ได้
- เขียนเลขกลับกัน 13 เป็น 31
4.หลายๆด้านรวมกัน
- แยกแยะขนาดสี และรูปร่างไม่ออก
- มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- ทำงานช้า
- เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
- วางแผนงานเเละจัดระบบไม่ได้
- ฟังคำสั่งสับสน
- คิดแบบนามธรรมหรือคิดแบบแก้ปัญหาไม่ค่อยได้
- ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
- ความจำระยะสั้น ระยะยาวไม่ดี
- ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
- ทำงานสับสนไม่เป็นขั้นตอน
ออทิสติก ( Autistic )
หรือ ออทิซึ่ม หรือเด็กที่ไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเองติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
พฤติกรรมการทำซ้ำ
- นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
- นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
- วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
- ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งเเวดล้อม
พบความผิดปกติอย่างน้อยหนึ่งด้าน
- ปฎิสัมพันธ์ทางสังคม
- การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
- การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
Autistic Savant
- กลุ่มที่คิดด้วยภาพ จะใช้การคิดแบบอุปนัย
- กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ จะใช้แบบนิรนัย
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หรือสูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสัยงต่างๆได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ หูตึง และหูหนวก
หูตึง
ใช้เครื่องช่วยฟัง แต่สามารถรับข้อมูลได้
- ระดับน้อย ( 26-40dB ) เสียงกระซิบ เสียงจากที่ไกลๆ
- ปานกลาง (41-55dB ) จับใจความไม่ได้
- ตึงมาก ( 56-70dB ) พูดดังก็ไม่ได้ยิน
- ตึงระดับมาก ( 71-90dB ) ต้องตะโกน
หูหนวก
เด็กที่สูญเสียการได้ยิน เครื่องช่วยฟังก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถเข้าใจภาษาพูด ระดับการได้ยิน 91dB ขึ้นไป
ลักษณะ
ไม่ตอบสนอง ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ ไม่พูดมักแสดงท่าทาง พูดไม่ถูกหลักไวยกรณ์ มักทำหน้าเด๋อเมื่อมีการพูดด้วย เวลาฟังมักมองปากผู้พูด
เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
เป็นเด้กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง 2 ข้าง สามารถมองไม่ได้ถึง 1/10 ของสายตาคนปกติ มีลานสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา จำเเนกได้ 2 ประเภท คือ เด็กตาบอด และเด็กตาบอดไม่สนิท
เด็กตาบอด
คือเด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย ต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่นในการเรียนรู้ มีลานสายตาโดยเฉลี่ยสูงสุดแคบกว่า 5 องศา มีสายตาข้างดีมองเห็นได้ในระยะทาง 6/60 2/200
เด็กตาบอดไม่สนิท
มองเห็นได้บ้าง มีลานเฉลี่ยสูงสุดกว้างไม่เกิน 30 องศา
6/18 20/60 2/200 หรือน้อยกว่านั้น
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หรือสูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสัยงต่างๆได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ หูตึง และหูหนวก
หูตึง
ใช้เครื่องช่วยฟัง แต่สามารถรับข้อมูลได้
- ระดับน้อย ( 26-40dB ) เสียงกระซิบ เสียงจากที่ไกลๆ
- ปานกลาง (41-55dB ) จับใจความไม่ได้
- ตึงมาก ( 56-70dB ) พูดดังก็ไม่ได้ยิน
- ตึงระดับมาก ( 71-90dB ) ต้องตะโกน
หูหนวก
เด็กที่สูญเสียการได้ยิน เครื่องช่วยฟังก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถเข้าใจภาษาพูด ระดับการได้ยิน 91dB ขึ้นไป
ลักษณะ
ไม่ตอบสนอง ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ ไม่พูดมักแสดงท่าทาง พูดไม่ถูกหลักไวยกรณ์ มักทำหน้าเด๋อเมื่อมีการพูดด้วย เวลาฟังมักมองปากผู้พูด
เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
เป็นเด้กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง 2 ข้าง สามารถมองไม่ได้ถึง 1/10 ของสายตาคนปกติ มีลานสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา จำเเนกได้ 2 ประเภท คือ เด็กตาบอด และเด็กตาบอดไม่สนิท
เด็กตาบอด
คือเด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย ต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่นในการเรียนรู้ มีลานสายตาโดยเฉลี่ยสูงสุดแคบกว่า 5 องศา มีสายตาข้างดีมองเห็นได้ในระยะทาง 6/60 2/200
เด็กตาบอดไม่สนิท
มองเห็นได้บ้าง มีลานเฉลี่ยสูงสุดกว้างไม่เกิน 30 องศา
6/18 20/60 2/200 หรือน้อยกว่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น