สัปดาห์ที่ 4
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
อาจาร์ยผู้สอน อาจาร์ยตฤณ เเจ่มถิ่น
วันที่ 8 กันยายน 2557
ครั้งที่ 4 กลุ่มเรียน 103
เวลาเรียน 11.30 - 14.00 น. ห้อง 433
สรุปความรู้ที่ได้รับรายสัปดาห์
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้ความรู้จากอันเซอชีท และเพาเวอร์พ้อยที่อาจารย์เตรียมมา มีทั้งรูปภาพมาประกอบการสอน อีกทั้งวีดีโอมาให้นักศึกษาได้ดูและเห็นจริง และได้ให้ความรู้ โดยบอกว่าเด็กพิเศษแบ่งออกเป็น 6 ประเภทดังต่อไปนี้
เด็กพิเศษ
1. เด็กแอลดี L.D
คือเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือเรียกว่า แอลดี อาการจะเห็นได้ชัดตอนอายุ 7 ขวบขึ้นไป ส่วนมากเป็นในเด็กผู้ชาย เป็นเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
2.เด็กออทิสติก
หรือ ออทิซึ่ม หรือเด็กที่ไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเองติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
3.เด็กดาว์นซินโดรม
เป็นโรคพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม เด็กกลุ่มอาการดาวน์จะมีศีรษะค่อนข้างเล็ก แบน และตาเฉียงขึ้น ดั้งจมูกแบน ปากเล็ก ลิ้นมักยื่นออกมา ตัวค่อนข้างเตี้ย มือสั้น มักมีโรคหัวใจพิการเเต่กำเนิด หรือโรคลำไส้อุดตันตั้งแต่แรกเกิด และภาวะต่อมไทรอยด์บกพร่องและปัญหาหลักคือ ภาวะปัญญาอ่อน
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดก็คือ การมีโครโมโซมเกินไป 1 แท่ง คือ โครโมโซมคู่ที่ 21 มี 3 แท่ง แทนที่จะมี 2 แท่ง ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่าTrisomy 21 มีมากถึง 95% สาเหตุรองลงมาเรียกว่า Translocation คือมีโครโมโซมย้ายที่ เช่น โครโมโซมคู่ที่ 14 มายึดติดกับคู่ที่ 21 เป็นต้น พบได้ 4% ส่วนสาเหตุที่พบได้น้อยที่สุดคือมีโครโมโซมทั้ง 46 และ 47 แท่งในคนๆ เดียว พบได้เพียง 1% เท่านั้นเรียกว่า Mosaic
4.สมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้น (ADHD) ย่อมาจากคำว่า Attention Deficit Hyperactivity Disorder
เป็นโรคที่พบได้ บ่อยในวัยเด็ก โดยที่เด็กจะไม่สามารถควบคุมสมาธิและการเคลื่อนไหวของตนเอง
ได้ จึงก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ผลการเรียนตกต่ำ แม้ระดับสติปัญญาจะปกติ มีปัญหาด้าน
ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ถึงแม้จะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ยังพบว่าหนึ่งในสามของเด็กยังคงมีอาการอยู่บ้างหรือ
บางคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังอาจมีอาการเต็มรูปแบบอีกด้วย ซึ่งยังเพิ่มโอกาสการเกิดพยาธิ สภาพทางจิต
อื่นๆ ตามมา
ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวชที่มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ
1. Inattentiveness คือ มีช่วงสมาธิสั้นกว่าปกติและมักจะวอกแวกง่าย (distractibility)
2. Hyperactivity คือ มีลักษณะอยู่ไม่นิ่ง อยู่ไม่สุข ซุกซนผิดปกติ
3. Impulsiveness คือ มีลักษณะหุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจในการทำอะไร
ต่างๆ
5.เด็กปัญญาเลิศ
เด็กปัญญาเลิศ หมายถึง เด็กที่มีความสามารถทางปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป และความถนัดเฉพาะทางอยู่ระดับสูงกว่าเด็กอื่นในวัยเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะในการคิด ประดิษฐ์ สรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆให้แก่โลกมนุษย์ เด็กที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านสามารถ สังเกตได้จากพฤติกรรมเหล่านี้
6.เด็กซีพี
เด็กซีพี หมายถึง การพิการทางสมอง ซึ่งเด็กจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปกติ การขยับแขนขา ลำตัวใบหน้า ลิ้น รวมถึงการทรงตัวที่ผิดปกติ เด็กที่เป็นโรคนี้มักมี ปัญหาในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อปัญหาการพูดคุยและการกินและอาจจะมีปัญหาในการควบคุมลมหายใจเพื่อเปล่งเสียง (เรียกกันว่า Dysarthria) ในทางการแพทย์ จัดเด็กพิการ CP เป็นภาวะพิการทางสมองชนิดหนึ่ง เด็กพิการซีพี ส่วนใหญ่สติปัญญาดี ไม่ปัญญาอ่อน ประมาณ 70-80% มีค่า IQ มากกว่า 70 บางรายมีการรับรู้ ความรู้สึกที่ผิดปกติด้วย
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
อาจาร์ยผู้สอน อาจาร์ยตฤณ เเจ่มถิ่น
วันที่ 8 กันยายน 2557
ครั้งที่ 4 กลุ่มเรียน 103
เวลาเรียน 11.30 - 14.00 น. ห้อง 433
สรุปความรู้ที่ได้รับรายสัปดาห์
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้ความรู้จากอันเซอชีท และเพาเวอร์พ้อยที่อาจารย์เตรียมมา มีทั้งรูปภาพมาประกอบการสอน อีกทั้งวีดีโอมาให้นักศึกษาได้ดูและเห็นจริง และได้ให้ความรู้ โดยบอกว่าเด็กพิเศษแบ่งออกเป็น 6 ประเภทดังต่อไปนี้
เด็กพิเศษ
1. เด็กแอลดี L.D
คือเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือเรียกว่า แอลดี อาการจะเห็นได้ชัดตอนอายุ 7 ขวบขึ้นไป ส่วนมากเป็นในเด็กผู้ชาย เป็นเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
2.เด็กออทิสติก
หรือ ออทิซึ่ม หรือเด็กที่ไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเองติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
3.เด็กดาว์นซินโดรม
เป็นโรคพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม เด็กกลุ่มอาการดาวน์จะมีศีรษะค่อนข้างเล็ก แบน และตาเฉียงขึ้น ดั้งจมูกแบน ปากเล็ก ลิ้นมักยื่นออกมา ตัวค่อนข้างเตี้ย มือสั้น มักมีโรคหัวใจพิการเเต่กำเนิด หรือโรคลำไส้อุดตันตั้งแต่แรกเกิด และภาวะต่อมไทรอยด์บกพร่องและปัญหาหลักคือ ภาวะปัญญาอ่อน
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดก็คือ การมีโครโมโซมเกินไป 1 แท่ง คือ โครโมโซมคู่ที่ 21 มี 3 แท่ง แทนที่จะมี 2 แท่ง ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่าTrisomy 21 มีมากถึง 95% สาเหตุรองลงมาเรียกว่า Translocation คือมีโครโมโซมย้ายที่ เช่น โครโมโซมคู่ที่ 14 มายึดติดกับคู่ที่ 21 เป็นต้น พบได้ 4% ส่วนสาเหตุที่พบได้น้อยที่สุดคือมีโครโมโซมทั้ง 46 และ 47 แท่งในคนๆ เดียว พบได้เพียง 1% เท่านั้นเรียกว่า Mosaic
4.สมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้น (ADHD) ย่อมาจากคำว่า Attention Deficit Hyperactivity Disorder เป็นโรคที่พบได้ บ่อยในวัยเด็ก โดยที่เด็กจะไม่สามารถควบคุมสมาธิและการเคลื่อนไหวของตนเอง ได้ จึงก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ผลการเรียนตกต่ำ แม้ระดับสติปัญญาจะปกติ มีปัญหาด้าน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ถึงแม้จะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ยังพบว่าหนึ่งในสามของเด็กยังคงมีอาการอยู่บ้างหรือ บางคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังอาจมีอาการเต็มรูปแบบอีกด้วย ซึ่งยังเพิ่มโอกาสการเกิดพยาธิ สภาพทางจิต อื่นๆ ตามมา ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวชที่มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ 1. Inattentiveness คือ มีช่วงสมาธิสั้นกว่าปกติและมักจะวอกแวกง่าย (distractibility) 2. Hyperactivity คือ มีลักษณะอยู่ไม่นิ่ง อยู่ไม่สุข ซุกซนผิดปกติ 3. Impulsiveness คือ มีลักษณะหุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจในการทำอะไร ต่างๆ 5.เด็กปัญญาเลิศ เด็กปัญญาเลิศ หมายถึง เด็กที่มีความสามารถทางปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป และความถนัดเฉพาะทางอยู่ระดับสูงกว่าเด็กอื่นในวัยเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะในการคิด ประดิษฐ์ สรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆให้แก่โลกมนุษย์ เด็กที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านสามารถ สังเกตได้จากพฤติกรรมเหล่านี้ 6.เด็กซีพี เด็กซีพี หมายถึง การพิการทางสมอง ซึ่งเด็กจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปกติ การขยับแขนขา ลำตัวใบหน้า ลิ้น รวมถึงการทรงตัวที่ผิดปกติ เด็กที่เป็นโรคนี้มักมี ปัญหาในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อปัญหาการพูดคุยและการกินและอาจจะมีปัญหาในการควบคุมลมหายใจเพื่อเปล่งเสียง (เรียกกันว่า Dysarthria) ในทางการแพทย์ จัดเด็กพิการ CP เป็นภาวะพิการทางสมองชนิดหนึ่ง เด็กพิการซีพี ส่วนใหญ่สติปัญญาดี ไม่ปัญญาอ่อน ประมาณ 70-80% มีค่า IQ มากกว่า 70 บางรายมีการรับรู้ ความรู้สึกที่ผิดปกติด้วย |
ประเมินผลการเรียนรายสัปดาห์
ประเมินตนเอง
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะเเนนตัวเอง 90 คะเเนน เพราะตั้งใจเรียน ตั้งใจจดงาน และตั้งใจฟังเวลาอาจาร์ยสอน แต่ใส่กะโปรงสั้นผิดระเบียบ
ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะแนนเพื่อน 90 คะเเนนเพราะตั้งใจเรียน เชื่อฟังอาจาร์ย และเเต่งกายถูกระเบียบทุกคนเป็นส่วนใหญ่
ประเมินครูผู้สอน
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะเเนนอาจาร์ย 100 คะเเนน เพราะอาจาร์ยมาสอนตรงเวลา และเเต่งกายเรียบร้อย
สุภาพ อาจาร์ยใจดี สอนเข้าใจ
ประเมินตนเอง
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะเเนนตัวเอง 90 คะเเนน เพราะตั้งใจเรียน ตั้งใจจดงาน และตั้งใจฟังเวลาอาจาร์ยสอน แต่ใส่กะโปรงสั้นผิดระเบียบ
ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะแนนเพื่อน 90 คะเเนนเพราะตั้งใจเรียน เชื่อฟังอาจาร์ย และเเต่งกายถูกระเบียบทุกคนเป็นส่วนใหญ่
ประเมินครูผู้สอน
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะเเนนอาจาร์ย 100 คะเเนน เพราะอาจาร์ยมาสอนตรงเวลา และเเต่งกายเรียบร้อย
สุภาพ อาจาร์ยใจดี สอนเข้าใจ
สุภาพ อาจาร์ยใจดี สอนเข้าใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น